ภาวะเท้าแบน (Flatfoot) คือภาวะที่มีการลดระดับของอุ้งเท้า (Medial Longitudinal Arch) ทำให้ฝ่าเท้ามีลักษณะแบนราบ สัมผัสพื้นมากกว่าปกติ ส่งผลต่อการรับน้ำหนัก การเดิน และการเคลื่อนไหวโดยรวมของร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนในระบบกระดูก ข้อต่อ และกล้ามเนื้อได้ในระยะยาว
ภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งในวัยเด็ก วัยผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ โดยมีทั้งชนิดที่เป็นมาแต่กำเนิด (congenital flatfoot) และชนิดที่เกิดขึ้นภายหลัง (acquired flatfoot)
ภาวะเท้าแบน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. ภาวะเท้าแบนแต่กำเนิด (Congenital Flatfoot)
- เท้าแบนชนิดยืดหยุ่น (Flexible Flatfoot) พบได้บ่อยในเด็กและวัยรุ่น โดยเมื่อยืนลงน้ำหนักจะเห็นอุ้งเท้าราบ แต่เมื่อยกเท้าหรือเขย่งจะเห็นอุ้งเท้าปรากฏขึ้น แสดงว่ายังมีความสามารถในการยืดหยุ่นของโครงสร้างเท้า มักไม่มีอาการเจ็บปวดและมักไม่ต้องรักษาหากไม่มีภาวะแทรกซ้อน
- เท้าแบนชนิดแข็ง (Rigid Flatfoot) เป็นภาวะที่ไม่มีการปรากฏของอุ้งเท้าแม้ขณะไม่ได้ลงน้ำหนัก มักมีสาเหตุจากพยาธิสภาพทางกระดูก เช่น tarsal coalition หรือกลุ่มโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและระบบประสาท
2. ภาวะเท้าแบนที่เกิดขึ้นภายหลัง (Acquired Flatfoot)
- เท้าแบนในผู้ใหญ่ (Adult Acquired Flatfoot) เกิดจากการเสื่อมหรือฉีกขาดของเส้นเอ็น tibialis posterior ซึ่งพบบ่อยในเพศหญิง อายุ 40 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน หรือโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

โครงสร้างของอุ้งเท้ามีหน้าที่สำคัญ!!
- รองรับน้ำหนักตัว
- ดูดซับแรงกระแทกขณะเดิน หรือวิ่ง
- ช่วยในการรักษาสมดุลของร่างกาย

สาเหตุของภาวะเท้าแบน
1. กรรมพันธุ์
2. พัฒนาการทางกล้ามเนื้อและเอ็นที่ไม่สมบูรณ์ในวัยเด็ก
3. การบาดเจ็บของเส้นเอ็นหรือกระดูกฝ่าเท้า
4. โรคระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่น Cerebral Palsy, Muscular Dystrophy
5. ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน
6. การใส่รองเท้าที่ไม่เหมาะสมต่อโครงสร้างเท้าในระยะยาว
ลักษณะอาการของภาวะเท้าแบน
- ปวดบริเวณอุ้งเท้า ฝ่าเท้า ข้อเท้า หรือส้นเท้า
- เกิดความเมื่อยล้าเมื่อเดินหรือยืนนาน
- ข้อเท้าบิดเข้าใน (Overpronation)
- รองเท้าสึกด้านในเร็วกว่าปกติ
- ปวดหัวเข่าหรือปวดหลังล่างจากการชดเชยการเดินที่ผิดปกติ
- เดินผิดปกติ (Antalgic Gait) หรือมีการเสียสมดุล
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
หากไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ ข้อเท้าและข้อเข่าเสื่อม ปวดหลังส่วนล่างเรื้อรัง เสียสมดุลและเสี่ยงต่อการหกล้มในผู้สูงอายุ และอาจส่งผลให้เกิดการเดินที่ผิดปกติถาวรได้
ดังนั้น การให้ความสำคัญกับการตรวจคัดกรองภาวะเท้าแบนตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ถือเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพของระบบกระดูกและกล้ามเนื้อในระยะยาว การได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมตั้งแต่ระยะแรก ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตและการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติในทุกช่วงวัยอีกด้วย เพราะสุขภาพเท้าที่ดีคือรากฐานของการดำเนินชีวิตอย่างมั่นคงในทุกย่างก้าว