โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke เกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง มีสาเหตุมาจากหลอดเลือดสมองตีบ อุดตัน หรือแตก ทำให้มีการอุดตันของเส้นเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนต่างๆ ส่งผลให้สมองอยู่ในภาวะที่ทำงานไม่ได้ จนเกิดอาการของอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้โรคหลอดเลือดสมองสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว (Transient ischemic Attack: TIA) มักมีอาการไม่เกิน 24 ชั่วโมง ประมาณ 15% ของผู้ป่วยที่มีอาการสมองขาดเลือดชั่วคราว จะมีภาวะโรคหลอดเลือดสมองตามมา ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
- ภาวะหลอดเลือดสมองตีบตัน” หรือ “ภาวะสมองขาดเลือด” (Ischemic Stroke) พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากผนังหลอดเลือดชั้นในมีการสะสมของคราบไขมัน หินปูน ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพ จนไม่ยืดหยุ่น นูน แข็ง หนา หลอดเลือดค่อยๆ ตีบแคบลง การลำเลียงเลือดมีประสิทธิภาพลดลง หรืออาจเกิดจากลิ่มเลือดจากหัวใจหรือผนังหลอดเลือดหลุดมาอุดตันหลอดเลือดในสมอง
- ภาวะหลอดเลือดสมองแตก หรือ “ภาวะเลือดออกในสมอง” (Hemorrhagic Stroke) มักพบในผู้ที่มีความดันโลหิตสูง ทำให้หลอดเลือดมีความเปราะเเละโป่งพอง ส่งผลให้เซลล์สมองได้รับบาดเจ็บจากการมีเลือดคั่งในเนื้อสมองจนเนื้อสมองตาย และสาเหตุอื่นๆ เช่น ภาวะโป่งพองของหลอดเลือดสมอง ผู้ที่มีการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ เช่น โรคเลือด โรคตับ การได้รับสารพิษ การทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด การใช้สารเสพติด เป็นต้น
วิธีในการสังเกตตัวเองและคนใกล้ชิดว่ามีอาการของโรคหลอดเลือดสมองหรือไม่
F (Face)
- ใบหน้าอาจมีอาการชาหรืออ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
- ทำให้มุมปากตก, ปากเบี้ยวหรือไม่สามารถยิ้มได้เต็มที่
- อาจมีน้ำลายไหลที่มุมปากข้างที่อ่อนแรงได้
A (Arms)
- แขนหรือขาข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งแขนและขาข้างใดข้างหนึ่งอ่อนแรง ยกไม่ขึ้น หรือยกได้น้อยลง
- อาจมีอาการชาหรือรู้สึกน้อยลง
S (Speech)
- การพูดอาจผิดปกติ เช่น พูดไม่ชัด, พูดลำบากหรือพูดไม่ได้
T (Time)
- หากมีอาการเหล่านี้ ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที
- โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใน 4.30 ชั่วโมงแรกหลังเกิดอาการ
- เพื่อลดความพิการและอัตราการเสียชีวิต

แนวทางการรักษาโรคหลอดเลือดสมอง
ผู้ป่วยกว่า 2 ใน 3 จะเกิดอาการบกพร่องพิการอย่างใดอย่างหนึ่งติดตัวไปตลอดชีวิต อาการบกพร่องพิการบางอย่างอาจฟื้นฟูได้ด้วยการบำบัดรักษาที่เรียกว่า “เวชศาสตร์ฟื้นฟู” ซึ่งรวมถึงการฝึกทางกายภาพบำบัดและการฝึกเพื่อบำบัดรักษาอาการบกพร่องอื่นๆ เช่น การพูด การกลืนกินอาหาร เป็นต้น เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถทำกิจวัตรได้ ใกล้เคียงปกติมากที่สุด เวชศาสตร์ฟื้นฟูสำหรับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง แบ่งเป็น 3 ระยะคือ
- ระยะเฉียบพลัน
ระยะ 1-2 สัปดาห์หลังจากมีอาการป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง การบำบัดฟื้นฟูในช่วงนี้ เพื่อป้องกันการหดรั้งของกล้ามเนื้อและการยึดติดของข้อต่อ เป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการบำบัดฟื้นฟูในช่วงต่อไป
- ระยะฟื้นตัว
ระยะ 3-6 เดือนหลังจากมีอาการป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ถือว่าเป็น Golden Period for Stroke คือ ช่วงเวลาทองของการรักษาและการฟื้นฟูของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง หากได้รับการรักษาในช่วงเวลานี้จะทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว ลดการเกิดความพิการ ลดอัตราการเสียชีวิตและกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ
- ระยะฟื้นตัว
โดยทั่วไปหากสมรรถนะใดไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติได้ในระยะฟื้นตัว ก็มีโอกาสสูงที่อาการบกพร่องพิการนั้นจะติดตัวไปตลอดชีวิต ระยะนี้ผู้ป่วยจะต้องทำการบำบัดอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้สูญเสียสมรรถนะที่ฟื้นฟูมาได้แล้วนั้นไปอีก เมื่อผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่ที่บ้าน จึงยังต้องทำการบำบัดฟื้นฟูที่บ้าน หรือที่สถานพยาบาลเฉพาะทางอย่างต่อเนื่องไปตลอดชีวิต เพื่อรักษาสมรรถภาพนั้นๆ ให้คงอยู่ตลอดไป