อาการสำลัก (Aspiration หรือ Choking)
ภาวะที่สิ่งแปลกปลอม เช่น อาหาร น้ำลาย น้ำดื่ม หรือวัตถุอื่นๆ หลุดเข้าไปในหลอดลมหรือทางเดินหายใจแทนที่จะลงหลอดอาหาร ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการไอ สำลัก หายใจลำบาก หรือในกรณีรุนแรงอาจขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตได้
การกลืนปกติเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ซึ่งต้องประสานกันระหว่างกล้ามเนื้อของปาก ลิ้น คอหอย หลอดอาหาร และการควบคุมโดยระบบประสาท หากระบบเหล่านี้ทำงานผิดปกติ จะเพิ่มความเสี่ยงในการสำลัก
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิด ภาวะสำลัก
- กล้ามเนื้อที่ใช้ในการกลืนอ่อนแรง
- ลิ้นมีความแข็งแรงน้อย
- มีความบกพร่องของฝาปิดกล่องเสียง
2. การรับความรู้สึกในช่องปากลดลง
- ไม่ทราบว่าอาหารเคลื่อนไปอยู่ตรงไหน
- ต้องกลืนเมื่อไหร่
3. พฤติกรรมหรือสิ่งแวดล้อม
- มีสิ่งรบกวนมาก เช่น แสง เสียง ดูโทรทัศน์ขณะรับประทานอาหาร
- พูดคุยขณะรับประทานอาหาร
4. ท่าทางในการรับประทานอาหาร
- ท่ากึ่งนั่ง กึ่งนอน
อันตรายจากการสำลัก
สำลักเฉียบพลัน: ทำให้ขาดอากาศ หายใจไม่ออก ต้องการการปฐมพยาบาลด่วน เช่น Heimlich Maneuver
สำลักเรื้อรัง: อาจไม่แสดงอาการชัดเจน แต่อาหารหรือของเหลวเล็กน้อยอาจลงสู่ปอด ทำให้เกิด ปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration Pneumonia)
การป้องกันอาการสำลัก
เคี้ยวให้ละเอียดก่อนกลืน
นั่งตัวตรงขณะกินอาหาร
หลีกเลี่ยงการพูดหรือหัวเราะขณะกิน
ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง ควรปรึกษานักแก้ไขการพูดหรือแพทย์เพื่อทำแบบฝึกกลืน
ปรับเปลี่ยนลักษณะอาหาร เช่น ใช้อาหารบด อาหารเหลวข้นสำหรับผู้มีปัญหากลืน
ซึ่งอาการสำลักไม่ได้แสดงออกมาแค่การไอและสำลักออกมาเพียงอย่างเดียวยังมีอาการที่เรียกว่า “อาการสำลักเงียบ” โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้จะไม่ทราบว่าตนเองเกิดอาการสำลักอาหารและน้ำขณะกลืน เราสามารถสังเกตได้จากการหายใจที่ติดขัด หายใจไม่คล่อง ค่าระดับออกซิเจน ขณะกลืนลดลงมากกว่า 3 % การสำลักจะทำให้มีอาหาร หรือสิ่งแปลกปลอมไหลลงไปในปอด ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ปอดได้ บางรายเกิดการอึดตันทาง้ดินหายใจได้ทำให้เสี่ยงเสียชีวิตได้